หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560

สรุปการเข้าร่วมฟังการนำเสนอผลงานวิชาการ ณ ห้อง คทจ. 2306

1. เรื่อง การพัฒนาเครื่องคั่วกาแฟและเครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็ก
ผู้บรรยาย
สรุปผลการวิจัย
           1.การคั่วกาแฟด้วยเทคนิคสเปาเตดเบคแบบมีท่อนำก๊าซสามารถคั่วกาแฟได้สม่ำเสมอ ทั้ง 4 ระดับการคั่ว ( city (-) , city, full city และ Italian) โดยใช้อุณหภูมิลมร้อนอยู่ในช่วง 230-250 °C และใช้เวลาในการคั่วอยู่ในช่วง 9.50-10.25 นาที
             2. ระดับการคั่ว (Degree of roast) มีความสัมพันธ์กับคุณสมบัติทางกายภาพของกาแฟที่พิจารณาในการทดลอง ยกเว้นความชื้นของเมล็ดกาแฟ โดยค่าสีของกาแฟคั่ว L, aํ และค่า b ํ มีค่าลดลงเมื่อระดับการคั่วเพิ่มขึ้น ค่าการสูญเสียมวลของกาแฟคั่วเพิ่มขึ้นตามระดับการคั่ว ส่วนค่าความหนาแน่นของเมล็ดกาแฟคั่วมีค่าลดลงตามระดับการคั่วมีค่าลดลงตามระดับการคั่ว
             3. ที่ระดับการคั่วเดียวกันการคั่วที่ใช้อุณหภูมิสูงขึ้น มีแนวโน้มที่ความหนาแน่นของกาแฟคั่วและเวลาที่ใช้ในการคั่วลดลง


2. เรื่อง การศึกษาการออกแบบผังกระบวนการผลิตแบบลีนโดยใช้แผนผังความสัมพันธ์ของกิจกรรม กรณีศึกษาบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จังหวัดนครราชสีมา
ผู้บรรยาย อนิรุธ พิพัฒน์ประภา สาขาวิชาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา
สรุปผลการวิจัย
         จากการศึกษาพบว่าสามารถลดระยะทางได้ถึงร้อยละ 87.37 และเวลาในการขนย้ายชิ้นงานระหว่างแผนกลงได้ร้อยละ 59.34 ทำให้ไม่เกิดการรอคอยและลดความเมื่อยล้าในการทำงานของพนักงาน และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสายการผลิตของบริษัทฯ



3. เรื่องผลการเปรียบเทียบปริมาณการเกิดก๊าซชีวภาพระหว่างกรณีใช้และไม่ใช้น้ำร้อนสำหรับระบบผลิตก๊าซชีวภาพแบบสองขั้นตอนจากมูลสุกร
ผู้บรรยาย ประพันธ์พงษ์ สมศิลา, อนุชา อินดา, น้ำผึ้ง ;วงเหิม, ฉัตรชัย คำดี และอำไพศักดิ์ ทึบุญมา
บทนำงานวิจัย
         1. ต้องการใช้ประโยชน์จากมูลสุกรสำหรับหมักก๊าซชีวภาพ
         2. ต้องการศึกษาการหมักก๊าซชีวภาพด้วยการหมัก  แบบ 2ขั้นตอน
         3.ต้องการเปรียบเทียบการหมักก๊าซชีวภาพแบบใช้และไม่ใช้น้ำร้อน
วิธีดำเนินการ
          อุปกรณ์ วิธีการทดลอง และการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการวิจัย
         1. ผลและการวิจารณ์ผลการวิจัย
         2. สรุปผลการวิจัยและข้อเสนอแนะ
สรุปผลการวิจัย
          กรณีการใช้น้ำร้อนเข้ามาช่วยในกระบวนการหมักก๊าซชีวภาพแบบ 2 ขั้นตอน สามารถช่วยให้การเกิดก๊าซได้เร็วกว่าการหมักแบบไม่ใช้น้ำร้อน
          การเพิ่มอุณหภูมิภายในถังหมักช่วยเร่งปฏิกิริยาการย่อยสลายของมูลสุกรและผลิตก๊าซมีเทนได้ดีกว่า
            ค่าความเป็นกรด-ด่าง ภายในถังหมักก๊าซกรณีใช้น้ำร้อนมีค่าเป็นด่างและกรณีไม่ใช้น้ำร้อนมีค่าเป็นกรด
          ปริมาณการเกิดก๊าซกรณีใช้น้ำร้อนสูงกว่ากรณีไม่ใช้น้ำร้อนเท่ากับ 27.09%

4. เรื่อง การศึกษาประสิทธิภาพเชิงความร้อนเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้วัสดุพรุนเป็นแหล่งสะสมพลังงาน
ผู้บรรยาย ประพันธ์ บุญเต็ม ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
วัตถุประสงค์งานวิจัย
          เพื่อศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์กรณีใช้และไม่ใช้วัสดุพรุนเป็นแหล่งสะสมพลังงาน
ขอบเขตงานวิจัย
         เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์
          วัสดุพรุนที่ใช้ในการศึกษา คือ เศษเหล็ก
          รังสีตกกระทบในช่วง 200-900 W/m
         ความเร็วลมเท่ากับ 0.5  และ  1.0 m/s
          ความพรุนของวัสดุเท่ากับ  0.96  และ  0.98
 วิธีการทดลอง
          1. ติดตั้งชุดทดลองเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์
          2. วางวัสดุพรุนในชุดแผ่นเก็บรังสี
          3. เปิดพัดลมดูดอากาศและปรับความเร็วลมที่ทางเข้าตามที่กำหนด
          4. ทำการทดลองที่ช่วงเวลา  10.00 น.  ถึง  15.00 น.
          5. ทำการบันทึกอุณหภูมิที่ตำแหน่งต่างๆทุกๆ 10 นาที
สรุปผลการทดลอง
          เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้วัสดุพรุนจะมีประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงกว่าเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่มีวัสดุพรุน
          ภายในเงื่อนไข ค่าความพรุน  0.96  และความเร็วลม  0.5 m/s  เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์จะให้ค่าประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงสุดโดยมีค่าเท่ากับ 38 %



5. เรื่องจำนวนช่องว่างต่อหนึ่งนิ้ว (PPI) ของวัสดุพรุนชนิดตาข่ายสแตนเลสที่มีผลต่อค่าการซึมผ่านและสัมประสิทธิ์ความเฉื่อย
ผู้บรรยาย
นายมงคล พันชมภู
นายปัญจา เนินทราย
นางสาวสว่างจิตร ปลอดจง
นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา



6. เรื่องการศึกษาและสร้างแสงอาทิตย์เทียมขนาดเล็กสำหรับการทดสอบแผงรับรังสีแสงอาทิตย์ตามมาตรฐาน EN- 12975-2
 ผู้บรรยาย
นายธนากร ยะสูงเนิน
นางสาววริศรา คอนเกตุ
นางสาวรัชดาทิพย์ สุขสว่าง
นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา
วัตถุประสงค์งานวิจัย
          งานวิจัยนี้มุ่งเน้นที่จะศึกษาการสร้างแสงอาทิตย์เทียมขนาดเล็กสำหรับการทดสอบแผงรับรังสีอาทิตย์โดยจะทำการสร้างและทดสอบในห้องปฏิบัติการวิจัยการพัฒนาในเทคโนโลยีของวัสดุพรุน ของสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา
สรุปผลการวิจัย
            การกระจายตัวของความเข้มแสงจะเริ่มสม่ำเสมอเมื่อระยะห่างระหว่างหลอดไฟกับพื้นที่รับแสงเพิ่มขึ้น
          ระยะห่างระหว่างหลอดไฟกับพื้นที่รับแสงเท่ากับ  77 cm  จะมีคุณสมบัติตามมาตรฐาน EN- 12975-2 มากที่สุด คือ มีค่าความคลาดเคลื่อนเท่ากับ  10.81 %  มีค่าความเข้มแสงเฉลี่ยเท่ากับ  703.72 W/m2



7. เรื่องการประยุกต์ใช้เว็บยูเซสไมนิ่งเทคนิคเพื่อศึกษาปัญหาการใช้งานอินเตอร์เน็ตกรณีศึกษามหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
ผู้บรรยาย
นายชลธี ศิลา
นักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประยุกต์
ที่มาและปัญหาของงานวิจัย
          จากปัญหาผู้วิจัยได้ประยุกต์ใช้กระบวนการทำเหมืองข้อมูลด้วยเทคนิควิธีการอพริโอริ อัลกอริทึม เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของพฤติกรรมจากข้อมูลการใช้เว็บไซต์ของผู้ใช้ที่บันทึกอยู่ในจากระบบซีสล็อกที่บันทึกการใช้งานของผู้ใช้ในมหาวิทยาลัย เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานที่เกิดขึ้นและนำไปเป็นผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้ในการปรับการเข้าใช้เว็บไซต์หรือจัดความสำคัญของเว็บไซต์ในการใช้งานตามพฤติกรรมการใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้ใช้ในมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
          ศึกษาการประยุกต์ใช้งานเทคนิค   Apriori Algorithm กับข้อมูลที่ไม่จัดประเภทข้อมูลที่จัดประเภทข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้ในมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
          ศึกษาประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้งานเทคนิค Apriori Algorithm กับข้อมูลที่ไม่จัดประเภทข้อมูลและข้อมูลที่จัดประเภทข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้ในมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
ผลการวิจัย
         จากการศึกษาการประยุกต์ใช้งานเทคนิค Apriori Algorithm ค้นหากฎความสัมพันธ์เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมพบว่า




         ศึกษาประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้งานเทคนิค Apriori Algorithm กับข้อมูลทั้ง 2 วิธีการพบว่า กระบวนการที่ 2  ข้อมูลที่จัดประเภทข้อมูลหรือกรองข้อมูลในแต่ละรายการใช้เวลาในการจัดการข้อมูลให้เป็นเซตข้อมูลรายการน้อยกว่าข้อมูลในชุดที่ 1  ค้นหากฎความสัมพันธ์ได้น้อยกว่าข้อมูลชุดที่ 1



8. เรื่องบทบาทและศักยภาพด้านการคมนาคมของจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว ในพื้นที่จังหวัดน่าน
ผู้บรรยาย
อ.ดร. ธเนศ เฮ้ประโคน มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
บทนำ
จุดผ่อนปรนไทย-ลาว ในภาคเหนือ มีทั้งสิ้น 11 แห่ง
         เชียงราย 6 แห่ง
          พะเยา 1 แห่ง
          น่าน 2 แห่ง
          อุตรดิตถ์ 2 แห่ง
ด่านถาวร 2 แห่ง ห้วยโก๋น จังหวัดน่าน และเชียงของ จังหวัดเชียงราย
วัตถุประสงค์การวิจัย
              เพื่อศึกษาบทบาทของจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว บ้านใหม่ชายแดน อำเภอสองแควว จังหวัดน่าน และบ้านห้วยสะแตง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
      เพื่อศึกษาศักยภาพของเส้นทางการคมนาคมที่เกี่ยวเนื่องกับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว บ้านใหม่ชายแดน อำเภอสองแควว จังหวัดน่าน และบ้านห้วยสะแตง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
วิธีดำเนินการวิจัย
พื้นที่ 2 แห่ง คือ
         จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านใหม่ชายแดน อำเภอสองแควว จังหวัดน่าน
          จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านห้วยสะแตง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
การวิจัยเชิงพรรณนา (descriptive research) ได้มาจากการเก็บข้อมูลภาคสนามโดยใช้วิธีการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม (non-participant observation)
สังเกตพฤติกรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และสภาพทั่วไปทางภูมิศาสตร์ ลักษณะกายภาพของเส้นทางการคมนาคม รวมถึงการใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง
กลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่ม จากประชากรในการวิจัยนี้ คือ
          ผู้นำชุมชน ผู้มีบทบาทในการควบคุมบริหารจัดการรูปแบบการค้าชายแดนภายใต้นโยบายของภาครัฐ
          ผู้ขายหรือผู้ให้บริการ
          ผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการ
การวิจัยเพื่อหาศักยภาพของเส้นทางการคมนาคมที่เกี่ยวเนื่องกับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน
ดำเนินการโดยการเก็บข้อมูลทางกายภาพของถนนที่เกี่ยวเนื่องจำแนกประเภทของถนน
หาปริมาณการจราจร คาดการณ์ปริมาณจราจร และหาระดับการบริการ
เพื่อประเมินศักยภาพด้านการคมนาคมสำหรับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านใหม่ชายแดนและบ้านห้วยสะแตง จังหวัดน่านในอนาคต
สรุปผลการวิจัย
          ดังนั้นหากต้องการส่งเสริมศักยภาพของจุดผ่อนปรนในด้านการค้า จึงควรจำเป็นอย่างยิ่งที่จะปรับปรุงคุณภาพผิวทางเพื่อสนับสนุนการค้าชายแดนในระดับท้องถิ่นอย่างที่ปรากฏที่จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านใหม่ชายแดน อำเภอสองเเคว จังหวัดน่าน







วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

สรุปหน่วยเรียนที่1 แนวคิดเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ

ข้อมูล สารสนเทศ และระบบสารสนเทศ           
                ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงต่าง ๆ อาจอยู่ในรูปของตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ รูปภาพ หรือเสียงก็ได้ เช่น จำนวนนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และที่อยู่ปัจจุบันของนักศึกษา เป็นต้น
                สารสนเทศ (Information) หมายถึง สิ่งที่ได้จากการประมวลผลข้อมูล และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผน การตัดสินใจ และการคาดการณ์ในอนาคตได้ สารสนเทศอาจแสดงในรูปของข้อความ ตาราง แผนภูมิ หรือรูปภาพ
กระบวนการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
                ระบบ (System) หมายถึง กลุ่มของส่วนประกอบหรือระบบย่อยต่าง ๆ ที่มีการทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งส่วนประกอบของระบบประกอบด้วยการนำเข้าสู่ระบบ (Input) การประมวลผล (Process) ผลลัพธ์ (Output) และการให้ข้อมูลสะท้อนกลับ (Feedback)
                ระบบสารสนเทศ (Information System) เป็นการนำองค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์กันของระบบมาใช้ในการรวบรวม บันทึก ประมวลผล และแจกจ่ายสารสนเทศเพื่อใช้ในการวางแผน ควบคุม จัดการและสนับสนุนการตัดสินใจ
กระบวนการทำงานของระบบสารสนเทศจะประกอบด้วย 3 ส่วน
                การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ เป็นกิจกรรมการรวบรวมข้อมูลเข้าสู่ระบบเพื่อการประมวลผล
                การประมวลผล เป็นการนำทรัพยากรที่ได้นำเข้าสู่ระบบมาปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปที่มีความหมายเพื่อใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ วางแผน ควบคุม และดำเนินงานด้านต่าง ๆ ในการประมวลผลสามารถกระทำด้วยมือ (Manual) หรือจะใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย
               ผลลัพธ์ เป็นผลผลิตที่ได้จากการประมวลผล โดยทั่วไปจะอยู่ในรูปของเอกสารหรือรายงานสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
              ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System : MIS) หมายถึง เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษา และประมวลผลข้อมูลนั้น พร้อมทั้งมีการจัดทำรายงานข้อมูลให้อยู่ในรูปที่จะนำมาใช้ในการปฏิบัติงานบริหาร และตัดสินใจในหน่วยงานได้
สาเหตุที่ทำให้เกิดสารสนเทศ
                1. พัฒนาการของความรู้ สิ่งประดิษฐ์ หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
                2. พัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
                3. การพัฒนาด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร
                4. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการพิมพ์
                5. ความจำเป็นในการใช้สารสนเทศ
ลักษณะของสารสนเทศ
               1. ถูกต้องแม่นยำ (Accurate)                    
               2. สมบูรณ์ครบถ้วน (Complete)               
               3. เข้าใจง่าย (Simple)                            
               4. ทันต่อเวลา (Timely)                        
               5. เชื่อถือได้ (Reliable)                        
               6. คุ้มราคา (Economical)
               7. ตรวจสอบได้ (Verifiable)
               8. ยืดหยุ่น (Flexible)
               9. สอดคล้องกับความต้องการ (Relevant)
               10. สะดวกในการเข้าถึง (Accessible)
               11. ปลอดภัย (Secure)
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์
                1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
                2.ซอฟต์แวร์ (Software)
                3. ข้อมูลหรือข้อสารสนเทศ (Dataหรือ Information) 
                4. ผู้ใช้ (User) 
                5.กระบวนการทำงาน (Procedure) 
                6.บุคลากรทางสารสนเทศ (Information systems personnel)
ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ
                1.  ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
                2. ช่วยสร้างทางเลือกในการแข่งขัน
                3. ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ
                4. ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต

          

คำถามท้ายหน่วยเรียนที่1

1.นิยามความหมายและยกตัวอย่างของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ?
ตอบ   ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System : MIS) หมายถึง เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษา และประมวลผลข้อมูลนั้น พร้อมทั้งมีการจัดทำรายงานข้อมูลให้อยู่ในรูปที่จะนำมาใช้ในการปฏิบัติงานบริหาร และตัดสินใจในหน่วยงานได้  ตัวอย่าง  เช่น การบันทึกข้อมูล การจัดทำทะเบียนประวัติ

2.ข้อมูลและสารสนเทศมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
  ตอบ  ข้อมูลและสารสนเทศมีความแตกต่างกันคือ  ข้อมูล   คือข้อเท็จจริงที่ยังไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ถ้าจะใช้ประโยชน์จะต้องผ่านการประมวลผล เช่น  การคำนวณ  การเรียบเรียงข้อมูล การตรวจสอบข้อมูล การทำรายงาน การจัดเก็บ การทำสำเนา  ฯลฯ ซึ่งข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเหล่านี้จะเรียกว่า   สารสนเทศ 

3.สารสนเทศที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร?
ตอบ สารสนเทศที่ดีจะประกอบด้วยคุณลักษณะ ดังต่อไปนี้
               1. ถูกต้องแม่นยำ (Accurate)                    
               2. สมบูรณ์ครบถ้วน (Complete)               
               3. เข้าใจง่าย (Simple)                            
               4. ทันต่อเวลา (Timely)                        
               5. เชื่อถือได้ (Reliable)                        
               6. คุ้มราคา (Economical)
               7. ตรวจสอบได้ (Verifiable)
               8. ยืดหยุ่น (Flexible)
               9. สอดคล้องกับความต้องการ (Relevant)
               10. สะดวกในการเข้าถึง (Accessible)
               11. ปลอดภัย (Secure)

4.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการมีประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจอย่างไร?
ตอบ       1. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ระบบสารสนเทศช่วยให้การดำเนินงานมีความถูกต้อง สะดวก และรวดเร็ว และยังช่วยให้การสื่อสารและการติดต่อประสานงานมีความคล่องตัวมากขึ้น การประมวลผลการจัดเก็บข้อมูล การกระจายข้อมูลสามารถกระทำได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเวลา ช่วยลดขั้นตอน ทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
                2. ช่วยสร้างทางเลือกในการแข่งขัน ระบบสารสนเทศสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ เพื่อสร้างความพึงพอใจในการให้บริการแก่ลูกค้า
                3. ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ ระบบสารสนเทศช่วยให้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจของผู้บริหารสำหรับการสร้างและขยายโอกาสทางธุรกิจ การควบคุมและการเพิ่มผลผลิต ตลอดจนการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการลงทุน
                4. ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต ระบบสารสนเทศช่วยให้การดำเนินงานต่าง ๆ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น เช่น การติดต่อสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์การ

5.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอะไรบ้าง?
ตอบ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้
               1. ความสามารถในการจัดการข้อมูล (Data Manipulation) ระบบสารสนเทศที่ดีต้องสามารถปรับปรุงแก้ไขและจัดการข้อมูล เพื่อให้เป็นสารสนเทศที่พร้อมสำหรับนำไปใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
               2. ความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security) ระบบสารสนเทศเป็นทรัพยากรที่สำคัญอีกอย่างขององค์การ ถ้าสารสนเทศบางประเภทรั่วไหลออกไปสู่ บุคคลภายนอก โดยเฉพาะคู่แข่งขัน อาจทำให้เกิดความเสียโอกาสทางการแข่งขัน หรือสร้างความเสียหายแก่ธุรกิจได้
               3. ความยืดหยุ่น (Flexibility)  สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจหรือสถานการณ์การแข่งขันทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระบบสารสน เทศที่ดีต้องมีความสามารถในการปรับตัว เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานหรือปัญหาที่เกิดขึ้น
              4. ความพอใจของผู้ใช้ (User Satisfaction) ระบบสารสนเทศ ถูกพัฒนาขึ้น โดยมีความมุ่งหวังให้ผู้ใช้สามารถนำมาประยุกต์ในงานหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ งาน ระบบสารสนเทศที่ดีจะต้องกระตุ้นหรือโน้มน้าวให้ผู้ใช้หันมาใช้ระบบให้มากขึ้น  

6.ผู้บริหารสมควรมีบทบาทต่อการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์การอย่างไร?
ตอบ         1. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสร้างประสิทธิภาพ และความพร้อมในการแข่งขันให้กับองค์การ
                2. เข้าใจความต้องการของระบบและองค์การในสภาพแวดล้อมยุคโลกาภิวัตน์
                3. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพในการดำเนินงานทั่วทั้งองค์การ
                4. มีส่วนร่วมในการออกแบบและการพัฒนาโครงสร้างระบบสารสนเทศรวมขององค์การ
                5. บริหารและตัดสินใจในการสรรหาและคัดเลือกเทคโนโลยีสารสนเทศ และสื่อสารโทรคมนาคม
                6. การจัดและควบคุมผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อผู้เกี่ยวข้อง
                7. ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการทำงาน แก่ผู้ใช้อื่น
                8. เข้าใจประเด็นสำคัญด้านจริยธรรมที่ เกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
7.เพราะเหตุใดผู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศจะต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับจริยธรรมและจรรยาบรรณ ?

ตอบ   เพราะการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ สามารถทำให้เกิดการกระจายอำนาจในองค์การ การบุกรุกสิทธิส่วนบุคคลหรือคู่แข่งขัน เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวจึงควรจะต้องตระหนักถึงบุคคลรอบข้างด้วยว่ามีผลกระทบต่อใครบ้างหรือไม่ 
(ที่มา   http://panidakongwung.blogspot.com/2012/05/2.html  )

กรณีศึกษา: การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารงานร้านไอศกรีม Iberry

1. ประโยชน์ที่ร้านไอศกรีม Iberry นำไอทีเข้ามาช่วยการบริหารงาน นอกจากการแก้ปัญหาข้างต้นแล้ว นักศึกษาคิดว่าทางร้านยังได้รับประโยชน์ใดได้บ้าง?
ตอบ    การนำไอทีเข้ามาช่วยเป็นการลดปัญหาที่มีอยู่      เช่น  
            ปัญหาด้านการควบคุมความเย็น                                                                     ทำให้ทราบถึงรายละเอียดการขายไอศกรีม
            ป้องกันการทุจริตของพนักงานในการตักไอศกรีมจากถาด                                                         
            ลดปัญหาการเดินทางไปดูแลพนักงานที่สาขาต่างๆ   เป็นต้น
          การนำไอทีเข้ามาช่วยจะลดปัญหาที่จะเกิดภายภาคหน้า       เช่น 
            ลดปัญหาการขาดทุนจากการที่ขายไอศกรีม
            ลดเวลาการทำงานให้กับผู้บริหารโดยไม่ต้องเดินทางไปหลายสาขาในแต่ละวัน   
            ลดค่าเดินทางในการไปดูแลแต่ละสาขา  สามารถมีหลักฐานจับผิดพนักงานในการทำงาน                                                           
            สามารถนำภาพที่บันทึกโดยระบบโทรทัศน์วงจรปิดมาวางแผนปรับปรุงการบริการของ พนักงานในร้าน  เป็นต้น

2.นักศึกษาคิดว่าในอนาคตร้านไอศกรีม Iberry สามารถนำไอทีเข้ามาช่วยงานด้านใดอีกได้บ้าง?
ตอบ ในอนาคตร้านไอศกรีม Iberry อาจนำไอทีเข้ามาช่วยในด้านอื่นๆ ดังนี้
            การเพิ่มบริการจัดส่งไอศกรีมถึงบ้านโดยการนำอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้ในการรับออร์เดอร์ ไอศกรีมเพื่อเพิ่มยอดขายและเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าโดยไม่ต้องมาทานที่ร้าน                                               
            ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อรายงานการทำงานของพนักงานในร้านและใช้แก้ปัญหาของแต่ละสาขา โดยการChatจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างได้อย่างรวดเร็ว                                     
            ใช้พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เข้ามาช่วยในการผลิตและเก็บรักษาไอศกรีมเพื่อลดค่าไฟฟ้าใน ระยะยาว                                           
            นำตู้ขายคูปองไอศกรีมมาใช้ในการรับออร์เดอร์แค่เพียงใส่เงินในตู้และเลือกเมนูไอศกรีมที่ ต้องการก็ทำให้ลูกค้าได้รับคูปองไอศกรีมและเงินทอนทันทีเพื่อลดปัญหาการทอนเงินลูกค้า ให้ลูกค้าไม่ครบและลดปัญหาการต้องเตรียมเงินทอนให้ลูกค้าในแต่ละวันและที่สำคัญ พนักงานทุจริตได้ยาก
               
3.จากแนวคิดการนำไอทีมาใช้แก้ปัญหาของผู้บริหารร้านไอศกรีม Iberry นักศึกษาคิดว่าสามารถนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจใดได้บ้าง จงอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ?
ตอบ   สามารถนำไปใช้ได้แทบทุกธุรกิจซึ่งจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการคิดประมาณรายได้และกำไรของร้านนั้นๆว่าผู้ลงทุนสามารถยอมรับรายจ่ายที่จะเกิดขึ้นหลังจากการนำไอทีเข้ามาใช้ได้หรือไม่ มิใช่เพียงแต่รายได้ เท่านั้นจะต้องคำนึงถึงข้อดีและข้อเสียของการนำไอทีเข้ามาใช้อย่างละเอียดเพื่อช่วยในการตัดสินใจ  เช่น     ถ้าเป็นธุรกิจขายรถ ก็สามารถนำไอทีเข้ามาใช้ได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการนำกล้องวงจรปิดมาใช้ใน การดูแลรักษารถจากการทดลองนั่งของลูกค้าหรือตรวจสอบลูกค้าที่ให้ความสนใจดูและรถ หรือ การนำกล้องวงจรปิดมาคอยสอดส่องดูแลการทำงานของลูกค้า การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาเก็บข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าที่สนใจรถและเลือกซื้อรถแต่ละรุ่นเพื่อใช้ในการทำการตลาดติดต่อกับลูกค้าที่สนใจรถรุ่นใหม่ๆ นอกจากนั้นยังสามารถสร้างที่จอดรถที่ใช้รีโมทในการควบคุม ที่จอดรถได้อย่างเช่นต้องการหรือสนใจรถยนต์รุ่นไหนก็สามารถใช้รีโมทในการควบคุมตำแหน่งที่ตั้งของรถ เพื่อนำมาให้ลูกค้าที่สนใจชม เป็นต้น