สรุปการเข้าร่วมฟังการนำเสนอผลงานวิชาการ ณ ห้อง คทจ. 2306
1. เรื่อง การพัฒนาเครื่องคั่วกาแฟและเครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็ก
ผู้บรรยาย
สรุปผลการวิจัย
1.การคั่วกาแฟด้วยเทคนิคสเปาเตดเบคแบบมีท่อนำก๊าซสามารถคั่วกาแฟได้สม่ำเสมอ
ทั้ง 4 ระดับการคั่ว ( city (-) , city, full city และ Italian) โดยใช้อุณหภูมิลมร้อนอยู่ในช่วง 230-250
°C และใช้เวลาในการคั่วอยู่ในช่วง 9.50-10.25
นาที
2. ระดับการคั่ว (Degree
of roast) มีความสัมพันธ์กับคุณสมบัติทางกายภาพของกาแฟที่พิจารณาในการทดลอง
ยกเว้นความชื้นของเมล็ดกาแฟ โดยค่าสีของกาแฟคั่ว Lํ,
aํ และค่า b ํ
มีค่าลดลงเมื่อระดับการคั่วเพิ่มขึ้น
ค่าการสูญเสียมวลของกาแฟคั่วเพิ่มขึ้นตามระดับการคั่ว ส่วนค่าความหนาแน่นของเมล็ดกาแฟคั่วมีค่าลดลงตามระดับการคั่วมีค่าลดลงตามระดับการคั่ว
3. ที่ระดับการคั่วเดียวกันการคั่วที่ใช้อุณหภูมิสูงขึ้น
มีแนวโน้มที่ความหนาแน่นของกาแฟคั่วและเวลาที่ใช้ในการคั่วลดลง
2. เรื่อง การศึกษาการออกแบบผังกระบวนการผลิตแบบลีนโดยใช้แผนผังความสัมพันธ์ของกิจกรรม
กรณีศึกษาบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จังหวัดนครราชสีมา
ผู้บรรยาย
อนิรุธ พิพัฒน์ประภา สาขาวิชาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา
สรุปผลการวิจัย
จากการศึกษาพบว่าสามารถลดระยะทางได้ถึงร้อยละ 87.37 และเวลาในการขนย้ายชิ้นงานระหว่างแผนกลงได้ร้อยละ 59.34 ทำให้ไม่เกิดการรอคอยและลดความเมื่อยล้าในการทำงานของพนักงาน
และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสายการผลิตของบริษัทฯ
3. เรื่องผลการเปรียบเทียบปริมาณการเกิดก๊าซชีวภาพระหว่างกรณีใช้และไม่ใช้น้ำร้อนสำหรับระบบผลิตก๊าซชีวภาพแบบสองขั้นตอนจากมูลสุกร
ผู้บรรยาย
ประพันธ์พงษ์ สมศิลา,
อนุชา อินดา, น้ำผึ้ง ;วงเหิม,
ฉัตรชัย คำดี และอำไพศักดิ์ ทึบุญมา
บทนำงานวิจัย
1. ต้องการใช้ประโยชน์จากมูลสุกรสำหรับหมักก๊าซชีวภาพ
2. ต้องการศึกษาการหมักก๊าซชีวภาพด้วยการหมัก
แบบ 2ขั้นตอน
3.ต้องการเปรียบเทียบการหมักก๊าซชีวภาพแบบใช้และไม่ใช้น้ำร้อน
วิธีดำเนินการ
อุปกรณ์ วิธีการทดลอง
และการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการวิจัย
1. ผลและการวิจารณ์ผลการวิจัย
2. สรุปผลการวิจัยและข้อเสนอแนะ
สรุปผลการวิจัย
▶กรณีการใช้น้ำร้อนเข้ามาช่วยในกระบวนการหมักก๊าซชีวภาพแบบ 2 ขั้นตอน สามารถช่วยให้การเกิดก๊าซได้เร็วกว่าการหมักแบบไม่ใช้น้ำร้อน
▶การเพิ่มอุณหภูมิภายในถังหมักช่วยเร่งปฏิกิริยาการย่อยสลายของมูลสุกรและผลิตก๊าซมีเทนได้ดีกว่า
▶ค่าความเป็นกรด-ด่าง
ภายในถังหมักก๊าซกรณีใช้น้ำร้อนมีค่าเป็นด่างและกรณีไม่ใช้น้ำร้อนมีค่าเป็นกรด
▶ปริมาณการเกิดก๊าซกรณีใช้น้ำร้อนสูงกว่ากรณีไม่ใช้น้ำร้อนเท่ากับ
27.09%
4. เรื่อง
การศึกษาประสิทธิภาพเชิงความร้อนเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้วัสดุพรุนเป็นแหล่งสะสมพลังงาน
ผู้บรรยาย
ประพันธ์ บุญเต็ม ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
วัตถุประสงค์งานวิจัย
เพื่อศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์กรณีใช้และไม่ใช้วัสดุพรุนเป็นแหล่งสะสมพลังงาน
ขอบเขตงานวิจัย
►เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์
►วัสดุพรุนที่ใช้ในการศึกษา คือ เศษเหล็ก
►รังสีตกกระทบในช่วง 200-900 W/m
►ความเร็วลมเท่ากับ 0.5 และ 1.0 m/s
►ความพรุนของวัสดุเท่ากับ 0.96 และ 0.98
วิธีการทดลอง
1. ติดตั้งชุดทดลองเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์
2. วางวัสดุพรุนในชุดแผ่นเก็บรังสี
3. เปิดพัดลมดูดอากาศและปรับความเร็วลมที่ทางเข้าตามที่กำหนด
4. ทำการทดลองที่ช่วงเวลา 10.00 น. ถึง 15.00 น.
5. ทำการบันทึกอุณหภูมิที่ตำแหน่งต่างๆทุกๆ
10 นาที
สรุปผลการทดลอง
▶เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้วัสดุพรุนจะมีประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงกว่าเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่มีวัสดุพรุน
▶ภายในเงื่อนไข ค่าความพรุน 0.96 และความเร็วลม
0.5 m/s เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์จะให้ค่าประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงสุดโดยมีค่าเท่ากับ
38 %
5. เรื่องจำนวนช่องว่างต่อหนึ่งนิ้ว (PPI) ของวัสดุพรุนชนิดตาข่ายสแตนเลสที่มีผลต่อค่าการซึมผ่านและสัมประสิทธิ์ความเฉื่อย
ผู้บรรยาย
นายมงคล
พันชมภู
นายปัญจา
เนินทราย
นางสาวสว่างจิตร
ปลอดจง
นักศึกษาระดับปริญญาตรี
สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา
ุ6. เรื่องการศึกษาและสร้างแสงอาทิตย์เทียมขนาดเล็กสำหรับการทดสอบแผงรับรังสีแสงอาทิตย์ตามมาตรฐาน
EN- 12975-2
ผู้บรรยาย
นายธนากร
ยะสูงเนิน
นางสาววริศรา
คอนเกตุ
นางสาวรัชดาทิพย์
สุขสว่าง
นักศึกษาระดับปริญญาตรี
สาขาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา
วัตถุประสงค์งานวิจัย
งานวิจัยนี้มุ่งเน้นที่จะศึกษาการสร้างแสงอาทิตย์เทียมขนาดเล็กสำหรับการทดสอบแผงรับรังสีอาทิตย์โดยจะทำการสร้างและทดสอบในห้องปฏิบัติการวิจัยการพัฒนาในเทคโนโลยีของวัสดุพรุน
ของสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา
สรุปผลการวิจัย
▶ การกระจายตัวของความเข้มแสงจะเริ่มสม่ำเสมอเมื่อระยะห่างระหว่างหลอดไฟกับพื้นที่รับแสงเพิ่มขึ้น
▶ระยะห่างระหว่างหลอดไฟกับพื้นที่รับแสงเท่ากับ 77 cm
จะมีคุณสมบัติตามมาตรฐาน EN- 12975-2
มากที่สุด คือ มีค่าความคลาดเคลื่อนเท่ากับ
10.81 % มีค่าความเข้มแสงเฉลี่ยเท่ากับ 703.72 W/m2
7. เรื่องการประยุกต์ใช้เว็บยูเซสไมนิ่งเทคนิคเพื่อศึกษาปัญหาการใช้งานอินเตอร์เน็ตกรณีศึกษามหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
ผู้บรรยาย
นายชลธี
ศิลา
นักศึกษาระดับปริญญาโท
สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประยุกต์
ที่มาและปัญหาของงานวิจัย
จากปัญหาผู้วิจัยได้ประยุกต์ใช้กระบวนการทำเหมืองข้อมูลด้วยเทคนิควิธีการอพริโอริ
อัลกอริทึม
เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของพฤติกรรมจากข้อมูลการใช้เว็บไซต์ของผู้ใช้ที่บันทึกอยู่ในจากระบบซีสล็อกที่บันทึกการใช้งานของผู้ใช้ในมหาวิทยาลัย
เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานที่เกิดขึ้นและนำไปเป็นผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้ในการปรับการเข้าใช้เว็บไซต์หรือจัดความสำคัญของเว็บไซต์ในการใช้งานตามพฤติกรรมการใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้ใช้ในมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
ศึกษาการประยุกต์ใช้งานเทคนิค Apriori Algorithm กับข้อมูลที่ไม่จัดประเภทข้อมูลที่จัดประเภทข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้ในมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
ศึกษาประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้งานเทคนิค
Apriori
Algorithm กับข้อมูลที่ไม่จัดประเภทข้อมูลและข้อมูลที่จัดประเภทข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้ในมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
ผลการวิจัย
▶จากการศึกษาการประยุกต์ใช้งานเทคนิค Apriori
Algorithm ค้นหากฎความสัมพันธ์เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมพบว่า
▶ศึกษาประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้งานเทคนิค
Apriori
Algorithm กับข้อมูลทั้ง 2 วิธีการพบว่า
กระบวนการที่ 2
ข้อมูลที่จัดประเภทข้อมูลหรือกรองข้อมูลในแต่ละรายการใช้เวลาในการจัดการข้อมูลให้เป็นเซตข้อมูลรายการน้อยกว่าข้อมูลในชุดที่
1 ค้นหากฎความสัมพันธ์ได้น้อยกว่าข้อมูลชุดที่ 1
8. เรื่องบทบาทและศักยภาพด้านการคมนาคมของจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว
ในพื้นที่จังหวัดน่าน
ผู้บรรยาย
อ.ดร.
ธเนศ เฮ้ประโคน มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
บทนำ
จุดผ่อนปรนไทย-ลาว
ในภาคเหนือ มีทั้งสิ้น 11 แห่ง
►เชียงราย
6 แห่ง
►พะเยา
1 แห่ง
►น่าน 2 แห่ง
►อุตรดิตถ์
2 แห่ง
ด่านถาวร
2 แห่ง ห้วยโก๋น จังหวัดน่าน และเชียงของ จังหวัดเชียงราย
วัตถุประสงค์การวิจัย
เพื่อศึกษาบทบาทของจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว
บ้านใหม่ชายแดน อำเภอสองแควว จังหวัดน่าน และบ้านห้วยสะแตง อำเภอทุ่งช้าง
จังหวัดน่าน
เพื่อศึกษาศักยภาพของเส้นทางการคมนาคมที่เกี่ยวเนื่องกับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว
บ้านใหม่ชายแดน อำเภอสองแควว จังหวัดน่าน และบ้านห้วยสะแตง อำเภอทุ่งช้าง
จังหวัดน่าน
วิธีดำเนินการวิจัย
พื้นที่
2 แห่ง คือ
►จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านใหม่ชายแดน
อำเภอสองแควว จังหวัดน่าน
►จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านห้วยสะแตง
อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
การวิจัยเชิงพรรณนา
(descriptive
research) ได้มาจากการเก็บข้อมูลภาคสนามโดยใช้วิธีการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม
(non-participant observation)
สังเกตพฤติกรรม
วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และสภาพทั่วไปทางภูมิศาสตร์
ลักษณะกายภาพของเส้นทางการคมนาคม รวมถึงการใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง
กลุ่มตัวอย่าง
3 กลุ่ม จากประชากรในการวิจัยนี้ คือ
►ผู้นำชุมชน ผู้มีบทบาทในการควบคุมบริหารจัดการรูปแบบการค้าชายแดนภายใต้นโยบายของภาครัฐ
►ผู้ขายหรือผู้ให้บริการ
►ผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการ
การวิจัยเพื่อหาศักยภาพของเส้นทางการคมนาคมที่เกี่ยวเนื่องกับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน
ดำเนินการโดยการเก็บข้อมูลทางกายภาพของถนนที่เกี่ยวเนื่องจำแนกประเภทของถนน
หาปริมาณการจราจร
คาดการณ์ปริมาณจราจร และหาระดับการบริการ
เพื่อประเมินศักยภาพด้านการคมนาคมสำหรับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านใหม่ชายแดนและบ้านห้วยสะแตง
จังหวัดน่านในอนาคต
สรุปผลการวิจัย
ดังนั้นหากต้องการส่งเสริมศักยภาพของจุดผ่อนปรนในด้านการค้า
จึงควรจำเป็นอย่างยิ่งที่จะปรับปรุงคุณภาพผิวทางเพื่อสนับสนุนการค้าชายแดนในระดับท้องถิ่นอย่างที่ปรากฏที่จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านใหม่ชายแดน
อำเภอสองเเคว จังหวัดน่าน